ชื่อเรื่อง : | ความรู้จักพอประมาณในพระพุทธศาสนาเถรวาทกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงในพระราชดำริ |
ประเภทของทรัพยากร : | สิ่งพิมพ์ |
ผู้แต่ง : | พระมหามิตร ฐิตปญโญ (วันยาว ; พระปลัดสมชาย กนฺตสีโล ; อุดม บัวศรี ; เอกฉัท จารุเมธี ; Phramaha Thitapanyo (Wanyao ; มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณาชวิทยาลัย |
สำนักพิมพ์ : | ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณาชวิทยาลัย |
ปีที่พิมพ์ : | 2547 |
จำนวนหน้า : | 163 แผ่น |
ขนาด : | 30 ซม |
เลขมาตรฐาน ISBN /เลขอื่นๆ : | 974-364-270-6 |
หัวเรื่อง: | เศรษฐกิจพอเพียง:แง่ศาสนา:พุทธศาสนา เศรษฐศาสตร์:แง่ศาสนา:พุทธศาสนา
|
เลขหมวดหมู่ : | 294.3 |
บทคัดย่อ: | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความรู้จักพอประมาณในพระพุทธศาสนากับหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ โดยวิธีการศึกษาจากเอกสารตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎกและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ส่วนภาคสนามใช้วิธีการสัมภาษณ์เกษตรทฤษฎีใหม่ ผลการวิจัยพบว่า ความรู้จักพอประมาณได้เริ่มจากสมมติ ฐานภายใต้จิตสำนึกในตัวมนุษย์ และเป็นหลักคำสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ตามหลักปฏิบัติที่คำนึงถึงศีลธรรมในการประกอบสัมมาอาชีวะ โดยใช้สติปัญญาควบคุมความอยากและกำหนดเป้าหมายของการดำเนินชีวิตไปสู่การมี คุณภาพและจิตวิญญาณที่อิสระ ส่วนเศรษฐศาสตร์กิจพอเพียง มุ่งเน้นความพอเพียงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เริ่มจากการจัดระบบโครงสร้างการผลิตที่ตอบสนองการบริโภคบนพื้นตนเอง ตามแนวทฤษฎีใหม่ ขั้นตอนที่ 1 พึ่งตนเองระดับครอบครัว ด้วยการจัดสรรพื้นที่และแหล่งน้ำให้ เหมาะสมกับการผลิต ขั้นตอนที่ 2 การรวมกลุ่มระดับชุมชนในรูปแบบของสหกรณ์ ขั้นตอนที่ 3 ธุรกิจชุมชน ขยายโครงสร้างการผลิตและการค้า ร่วมกับภาครัฐและเอกชนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและการส่งออก ส่วนที่เหมือนกันคือ มิติทางจริยธรรมและสังคม ได้แก่ การสร้างจิตสำนึกแห่งการพึ่งตนเอง ความสัมพันธ์ในชุมชน มีการรวมกลุ่ม การแบ่งปัน เหล่านี้บ่งออก ถึงจริยธรรมที่สังคมจะต้องมี ต้องปฏิบัติรวมกัน คือ การเสียสละ และความสามัคคี อันเป็นคุณสมบัติของปัจเจกบุคคล ที่สามารถพัฒนาศักยภาพ และยกระดับคุณธรรมตนเอง ขณะเดียวกันก็เป็นทุนทางสังคม ที่จะทำให้ชุมชนมีความเข้มข้นสามารถพึ่งตนเองได้ ส่วนจุดแตกต่างกัน คือ ความรู้จักพอประมาณเป็นคำสอนที่แสดงถึงโครงสร้างทางกายกับจิตที่มีความสัมพันธ์กันเป็นระบบชีวิตที่อาศัยปัจจัยสี่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภค ส่วนเศรษฐกิจพอเพียงมีแนวความคิดที่แสดงถึงระบบโครงสร้างการผลิตที่สอดคล้องกับการบริโภคบนพื้นฐานของการดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับระบบนิเวศ จากการนำแนวคิดความรู้จักพอประมาณ และเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติจริง ต้องอาศัยตัวอย่าง ดังกรณีของกลุ่มที่ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ได้กล่าวไว้แล้วในข้างต้นนั้น ได้นำความเชื่อทางศาสนามาเป็นวิธีการแก้ปัญหา โดยนำศีลธรรมเข้ามายึดเหนี่ยวจิตใจ ตามแบบอย่างของชาวพุทธ ขณะเดียวกันก็ดำเนินกิจกรรมแบบรวมกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่การร่วมแรงร่วมใจกันทำการเกษตร มีการจัดตั้งกลุ่มขึ้น เช่น กลุ่มไร่นาสวนผสม กลุ่มศูนย์การตลาด กลุ่มแปรรูปอาหาร เป็นต้น และแปลงนา การสาธิตเกษตรแบบธรรมชาติเพื่อเป็นตัวอย่างนำร่องในการปฏิบัติของชาวบ้าน ที่เสนอเป็นทางเลือกของการแก้ปัญหา จะเห็นว่า ความรู้จักพอประมาณ เป็นหลักการดำเนินชีวิตให้เกิดความพอเพียงบนพื้นฐานของศีลธรรมอันเป็นหลักจริยธรรมที่ดีงามที่ปรากฎในตัวมนุษย์ อันจะนำไปสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ที่เป็นระดับโลกียะ (ความร่ำรวย ความสุขสบาย) และเป็นหลักนำไปสู่ความหลุดพ้นทุกข์ที่สูงสุด อันเป็นโลกุตระ (นิพพาน) ส่วนเศรษฐกิจพอเพียง ได้เน้นระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกันระหว่างการผลิตกับการบริโภคบนพื้นฐานของการพึ่งตนเองระดับครอบครัว ชุมชน และสังคมแล้วให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกอย่างสงบสุขไม่เดือดร้อน ในภาพรวมจะเห็นการสร้างจิตวิญญาณ โดยความยั่งยืนแม้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้โดยหลักวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่จะเน้นที่ความพอดีและยั่งยืนอันเป็นแก่นแท้ของความสมดุลย์ของชีวิต |
หมายเหตุเนื้อหา : | วิทยานิพนธ์ (พธ.ม.(สาขาวิชาพระพุทธศาสนา))--มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณาชวิทยาลัย , 2547 |
Record link: | http://www.psclib.com/mbuisc/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=9851 |